ก่อนแต่งงานต้องเตรียมอะไรบ้าง ?

ในปัจจุบัน ผู้หญิงที่ครองตนเป็นโสดมีมากขึ้น ทั้งๆ ที่ก็พร้อมทุกอย่าง ทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ เวลามีใครถามว่า “เมื่อไหร่จะแต่ง” คำตอบก็มักจะเป็นว่า “ยังหาคนแต่งด้วยไม่ได้”

แต่งงาน

ดังนั้น เรื่องแรกของการเตรียมตัวก่อนวิวาห์ คือ หาคนแต่งหรือเลือกคู่ครองค่ะ

การเลือกคู่ครองเมื่อวัยและปัจจัยต่างๆ เหมาะสมนั้นไม่มีกฎตายตัวค่ะ หลายคู่เลือกกันด้วยเหตุผล เช่น มีความรู้ มีรูปร่างหน้าตา มีฐานะเท่าเทียมกัน วัฒนธรรมเดียวกัน ศาสนาเดียวกัน บิดามารดาทั้งสองฝ่าย พอใจ มีอุปนิสัยต่างๆ ตรงกัน บางคู่ก็เลือกกันด้วยความรัก พอใจ มีอุปนิสันต่างๆ ตรงกัน บางคู่ก็เลือกกันด้วยความรัก ด้วยอารมณ์เป็นหลัก แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกทั้งเหตุผลและอารมณ์

ปัจจุบัน แม้การเลือกคู่ครองทั่วไปเปิดให้เลือกกันได้อย่างเสรี แต่การเลือกคู่ครองโดยแม่สื่อแม่ชัก หรือพ่อแม่หามาให้ ก็ยังพบเห็นกันอยู่เป็นประจำนะคะ

แต่ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน การเรียนรู้อุปนิสัยใจคอ และพร้อมที่จะปรับตัวเข้าหากันเป็นเรื่องสำคัญค่ะ และการเข้ากันได้หรืออยู่กันยืดนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกคู่ครองแบบไหน แต่อยู่ที่การปรับตัวเข้าหากัน เรียนรู้ซึ่งกันและกันในภายหลังมากกว่าค่ะ

หมอมีเพื่อนผู้หญิงคน หนึ่ง เธออายุมากกว่าเพื่อนๆ 2-3 ปี เพราะย้ายมาจากคณะอื่นตอนเป็นนักศึกษาแพทย์เธอไม่มีแฟนเลย และประกาศตนเป็นหัวหน้าชมรมคานทองนิเวศน์ แต่พอวันสุดท้ายของการสอบไล่จบการเป็นนักศึกษาแพทย์ เธอมีหนุ่มหล่อมาดูตัวจากการแนะนำของผู้ใหญ่ ต่อจากนั้นอีกไม่กี่วันก็แต่งงานกัน ท่ามกลางความอิจฉาตาร้อนของสมาชิกคานทองนิเวศน์ และปัจจุบันครอบครัวของเธอก็มีความสุขดี ดีกว่าบางคู่ที่แต่งงานกันด้วยความรักและความเหมาะสมเสียอีก

สิ่งที่สอง ที่ควรเตรียมตระเตรียม คือ เตรียมสุขภาพร่างกายค่ะ

คุณ ผู้หญิงที่ป่วย กระเสาะกระแสะ เจ็บป่วยเรื้อรัง และต้องมีคนคอยประคับประคองตลอดเวลานั้น เป็นได้แค่นางเอกของละครในชีวิตจริงนั้น สุขภาพที่แข็งแรงเป็นเกณฑ์หนึ่งของการเลือกคู่ในบางประเทศถึงกับมีกฎหมายให้ คู่สมรส ตรวจร่างกายว่าแข็งแรงสมบูรณ์จึงสมรสได้

เรื่องนี้ บางทีก็น่าเศร้าสะเทือนใจ หมอรู้จักหญิงชายคู่หนึ่ง ฝ่ายหญิงเป็นคนสวยน่ารัก ฝ่ายชายเป็นชายหนึ่งที่มีเสน่ห์ มีอารมณ์ขัน ทั้งสองเป็นแฟนกัน รักกันมาก เรียกว่าเห็นฝ่ายหญิงก็เห็นฝ่ายชาย เห็นฝ่ายชายก็เห็นฝ่ายหญิง พวกเขาคบกันนาน จนถึงขั้นวางแผนจะแต่งงานกัน

ปรากฏ ว่าโชคชะตานั้นเล่นบทโหด ขณะที่ใกล้จะแต่งงานกัน ฝ่ายหญิงก็ล้มป่วยลง และป่วยเป็นโรคที่พบได้น้อยมากๆ คือ โรคเนื้อร้ายของหัวใจ ผ่าตัดก็ไม่ได้ ได้แต่รักษาด้วยสารเคมีทำให้ร่างกายของเธออ่อนแอลงมาก ต้องคอยดูแล และก็ไม่มีความหวังเลยว่าจะหายขาดเมื่อไร

ถ้าเป็นในภาพยนต์ พระเอกก็คงแต่งงานกับนางเอกและดูแลเธอไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต แต่ชีวิตจริงคือ ฝ่ายชายอดทนดูแลไปช่วงระยะหนึ่ง แล้วก็ตีตนออกห่าง ให้ครอบครัวของฝ่ายหญิงมาดูแลแทน และบอกกับคนอื่นๆ ว่า…ที่ผ่านมาชอบพอกันเป็นแค่พี่น้อง!

เรื่องนี้ สังคมคือคนรอบข้างฝ่ายหญิงพากันประณามว่า ฝ่ายชายใจร้ายใจดำ หมอเองแม้รู้สึกคล้อยตาม แต่ก็เข้าใจว่า นี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่รักตนเองมากกว่าคนอื่น เมื่อจะมีครอบครัวก็ต้องเลือกคนที่แข็งแรง พร้อมจะมีบุตรหลาน สร้างครอบครัวให้อบอุ่นได้

อีกเรื่องหนึ่งที่ หมอเห็นมาหลายคู่ทีเดียว คือคุณผู้หญิงที่แต่งงานแล้วปรากฏทีหลังว่า เป็นโรคที่ไม่สามารถมีลูกได้ ในกรณีนี้ก็เช่นกันที่สุดท้ายชีวิตฝ่ายหญิงต้องหวานอมขมกลืน เพราะฝ่ายชายไปหาคนใหม่ เพื่อผลิตลูกให้ บางคู่ฝ่ายชายอายุมากเกิน 60 ก็มี เรียกว่าครองคู่อยู่กันมาโดยไม่มีลูกเป็น 40 ปี จึงมาดีแตกทีหลัง สร้างความเจ็บช้ำให้ฝ่ายหญิงจนแทบเป็นบ้าทีเดียวค่ะ

ดังนั้นก่อนวิวาห์ การตระเตรียมเรื่องสุขภาพนั้น สำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นๆ นะคะ ได้แก่

  • – ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ที่มีผลต่อสุขภาพและการอยู่ร่วมกัน เช่น ดื่มเหล้าจัด สูบบุหรี่จัด เที่ยวกลางคืนเป็นนิจ เล่นการพนัน ฯลฯ โดยทั่วไป เมื่อจะมีครอบครัว นั่นหมายความว่า เราพร้อมที่จะดูแลคนที่จะมายืนอยู่เคียงข้าง และเจ้าตัวน้อยที่จะเกิดมา
  • – ดูแลโรคภัยไข้เจ็บของตนเอง ในกรณีที่มีโรคประจำตัว อาจต้องไปพบแพทย์ เพื่อรับคำปรึกษา หรือรักษา เพราะบางโรคอาจจะมีผลต่อการตั้งครรภ์
  • – รักษาโรคที่มีผลกระทบต่อบุคลิกภาพ เช่น โรคสิว ภูมิแพ้ โรคอ้วน ฯลฯ
  • – ไปพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาก่อนแต่งงาน สำหรับข้อนี้ปัจจุบันมีคุณผู้หญิงที่กำลังจะแต่งงานจำนวนมากเห็นความสำคัญ และไปปรึกษาแพทย์ก่อนแต่งงาน หรือที่เรียกว่า Pre-marital counseling ค่ะ ซึ่งในความเห็นของหมอนั้น เป็นเรื่องที่ดีมากๆ และจำเป็นสำหรับคุณผู้หญิงก่อนวิวาห์ทุกท่าน

แพทย์ส่วนใหญ่จะให้ คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพอนามัย แนะนำให้เจาะเลือดตรวจหาโรคที่มีผลต่อชีวิตสมรส คือโรคที่สามารถติดต่อกันทางเพศสัมพันธ์ได้ และบางโรคก็มีผลต่อบุตรในครรภ์

โรค ดังกล่าวได้แก่ โรคเอดส์ โรคซิฟิลิส โรคไวรัสตับอักเสบชนิดบี โรคธาลัสซีเมีย โลหิตจาง ในกรณีที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคไวรัสตับอักเสบบี หัดเยอรมัน และอีสุกอีใส แพทย์ก็จะแนะนำให้ฉีดวัคซีนดังกล่าว ซึ่งวัคซีนบางอย่าง เช่น หัดเยอรมัน และอีสุกอีใส ไม่ควรฉีดตอนตั้งครรภ์ เพราะอาจจะมีอันตรายถึงทารกในครรภ์ได้ค่ะ

เรื่องการเจาะเลือด ตรวจก่อนแต่งงานนี้เป็นเหมือนหญ้าปากคอกคือ ถูกมองข้ามไป แต่มีคู่สมรสหลายคู่ที่หมอรู้จัก ต้องลำบากลำบน เพราะฝ่ายตรงข้ามมีเชื้อไวรัสเอดส์ค่ะ

คุณผู้หญิงคนหนึ่ง ครองจนมาจนอายุ 40 ปี เรียกว่ามีฐานะ มีการงานมีหน้ามีตา เป็นที่รู้จักในสังคม เกิดมาหลงรักหนุ่มโสดรูปหล่ออายุ 20 เศษ ซึ่งไม่มีการงานเป็นหลักแหล่ง คนมองก็รู้สึกว่าไม่คู่ควร แต่ก็เป็นการตัดสินใจเด็ดขาดของฝ่ายหญิง ทั้งสองแต่งงานกัน และหลังจากนั้นเพียงหนึ่งปีฝ่ายชายก็ล้มป่วยลงด้วยโรคเอดส์ ฝ่ายหญิงต้องซื้อยาต้านไวรัสมารักษาจนแทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว และสุขภาพจิตก็เสื่อมโทรม ทุกครั้งที่เจาะเลือดติดตามดูว่าตนเองติดเชื้อเอดส์หรือเปล่า

นอก จากนั้นคุณผู้หญิงบางราย อาจจะให้แพทย์ตรวจภายในหาความผิดปกติก่อนแต่งงาน บางรายอยากให้แนะนำการคุมกำเนิด แนะนำเทคนิคมีบุตรง่าย แนะนำวิธีเลือกเพศบุตรตามธรรมชาติ ซึ่งต้องอาศัยการกินอาหารบางประเภทและปรับช่องคลอดให้เป็นกรดด่าง บางรายก็ให้หมอจัดยาเลื่อนประจำเดือน ซึ่งจะมาช่วงวันแต่งงานพอดี ฯลฯ

 

เตรียมตัวก่อนแต่งงาน

ประการที่สามที่ควรเตรียม คือ สุขภาพใจค่ะ

นอก จากร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงแล้ว ใจต้องสมบูรณ์แข็งแรงด้วย นั้นคือต้องฝึกให้เป็นคนอารมณ์แจ่มใส เข้ากับผู้อื่นได้ มีอารมณ์ขัน ปรับตัวง่าย นอกจากนั้น EQ หรือวุฒิภาวะทางอารมณ์ก็เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับชีวิตครอบครัว คุณผู้ชายคนไหนก็คงไม่อยากมีภรรยาที่อารมณ์เสีย ด่าทอ หน้าบูดทั้งวัน ในขณะที่ผู้หญิงคนไหนก็คงไม่อยากเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ว่าถูกสามีใช้ร่มฟาดจนตายคาโซฟาเพราะความหึงหวงนะคะ

ประการสุดท้าย คือ การเตรียมสิ่งแวดล้อมค่ะ

เนื่องจากสังคมไทย ยังเป็นสังคมวงศาคณาญาติ ดังนั้นควรศึกษาพื้นเพ และทำความรู้จักครอบครัวของแต่ละฝ่าย เพราะสุดท้ายแต่งงานกับเขาก็จะเหมือนแต่งงานกับครอบครัวของเขาด้วย

ที่มา จาก นิตยสารใกล้หมอ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *